|
เก็บมาฝาก |
|
หมอเถื่อน
"อย่าฝากชีวิตสัตว์เลี้ยงที่ท่านรัก
ไว้กับคนที่ไม่สามารถตรวจสอบได้"
|
|
จากนิตยสาร
: สื่อรักสัตว์เลี้ยง
ปีที่ 9 ฉบับที่
101 ประจำเดือนกรกฎาคม 2546 หน้า 182
คอลัมน์ :
สนุกชะมัดเรียนสัตวแพทย์ |
|
เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากลางดึก
ทำให้ผู้เขียนต้องงัวเงียขึ้นมารับ พลางนึกฉุนในใจว่า
ใครนะโทรมาดึก ๆ ดื่น ๆ คนจะหลับจะนอน พอรับ
ยกหูก็มีเสียงละล่ำละลักมาตามสาย พอจับใจความว่า
เป็นป้าที่มีบ้านอยู่ถัดไปอีก 3 หลัง ที่โทรมาตอนดึกเพราะว่า
สุนัขที่บ้านแกคลอดไม่ออก เห็นเบ่งมา 2 ชั่วโมงแล้ว ให้ไปดูให้ที |
|
รูปจากหนังสือ
สื่อรักสัตว์เลี้ยง |
|
|
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทำให้ผู้เขียนนึกถึงตอนไปฝึกงานครั้งแรก เมื่อปี 2544
ที่ตัดสินใจไปฝึกงาน เพราะว่าน้าแท้ ๆ ที่ทำงานอยู่ในตลาดบางแค
มักจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุนัขจรจัดในตลาดมาเล่าให้ฟังเสมอ ๆ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจำนวนสุนัขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัญหาสุนัขมดลูกเป็นหนอง ( Pyometra )
ปัญหาสุนัขกัดผู้คนที่มาเดินซื้อของในตลาด ฯลฯ
ซึ่งสร้างปัญหาอย่างมากให้กับผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
และไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริง ๆ จัง ๆ
ผู้เขียนก็เลยมีความคิดว่า ไหน ๆ เราก็เรียนสัตวแพทย์แล้ว
ถ้าหากเราฉีดยาเป็น (ตอนนั้นยังฉีดยาไม่เป็นเพราะว่าพึ่งขึ้น
Pre-clinic )
จะเอาวัคซีนมาฉีดป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดยาคุมกำเนิด
ถ้าทำอย่างนั้นได้คงจะลดปัญหาสุนัขจรจัดในตลาดบางแคลงไม่มาก็น้อย...
พอคิดเสร็จด้วยความเป็นวัยรุ่นใจร้อนก็ไปฝึกงานทันที
สถานที่ฝึกงานแห่งแรกที่ไปคือ
ศูนย์สงเคราะห์สัตว์เลี้ยงที่จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมสุนัขจกจัดจาก กทม. เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ
มีนิสิตไปฝึกงาน 13 คน ภายใต้การดูแลของ อ.น.สพ.ธานินทร์
สันติวัฒนธรรม และ อ.สพ.ญ.นลิน อารียา 7 วันที่ฝึกงานนั้น
เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการทั้งในเรื่องของ
การจัดการสถานที่เลี้ยง อาหาร กรงขัง สภาพแวดล้อม
จนถึงการจัดการเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ไม่ว่าจะเป็นการรับสัตว์ใหม่เข้ามา
การทำโปรแกรมวัคซีน การถ่ายพยาธิ และการทำหมัน
ภายในศูนย์สงเคราะห์สัตว์เลี้ยง มีโรงพยาบาลสัตว์ ชื่อว่า
"โรงพยาบาลสัตว์ทุ่งสีกัน" ในหนึ่งสัปดาห์จะมีสัตวแพทย์จากในเมืองเข้าไปดูแลสัตว์ป่วย
2 ครั้ง |
|
พวกเราถูกสอนให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ซึ่งอยู่ในความดูแลของอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน ครั้งแรกที่ได้จับเข็ม
Draw ยา และสามารถฉีดยาได้
มันทำให้รู้สึกฮึกเหิมอยู่ในใจว่า ข้าเป็นหมอนะ ฉีดยาเป็นแล้ว
เดี๋ยวจะไปฉีดยาให้กับสุนัขคนนั้น คนนี้ สารพัดที่จะคิด
โดยมองข้ามสิ่งสำคัญไปคือ คุณเรียนสัตวแพทย์ก็จริง
แต่ว่าคุณยังไม่ใช่สัตวแพทย์นะ เรียนก็ยังไม่จบ
ความรู้ในวิชาชีพก็มีขี้ปะติ๋ว ขนาดจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง
เช่น ฟองอากาศในหลอดฉีดยา ทั้ง ๆ ที่พยายามไล่ออกไปแล้ว
แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ก็ยังคงมีฟองอากาศ ฟองเล็ก ฟองน้อย
ให้เป็นอยู่ประปราย และไอ้ฟองอากาศฟองเล็ก ๆ เนี่ย
อาจจะทำให้เกิดปัญหา air emboli ได้
หรือถึงแม้ว่า มันอาจจะไม่สร้างปัญหา
แต่การที่คนที่จะมาเป็นหมอรักษาสัตว์ถือเข็มฉีดยาที่มีฟองอากาศอยู่เต็ม
ก็เป็นเรื่องที่ไม่ Smart นัก |
|
จนแล้วจนรอด หลังจากกลับจากฝึกงานจนถึงวันนี้ก็สองปีแล้ว
ผู้เขียนก็ยังไม่สามารถไปฉีดยาให้สุนัขของคนนั้น คนนี้
อย่างที่ตั้งใจไว้ได้ เพราะตระหนักดีว่า
ตนเองยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะทำ ประสบการณ์ก็ยังไม่มี
หากว่าเกิดอะไรขึ้น จะรับผิดชอบไม่ไหว
คำพูดของอาจารย์ยังคงก้องอยู่ในหัว....
"เรียนให้จบแล้วทำงานให้เต็มที่ดีกว่า
อย่าเป็นหมอเถื่อนเลยนะ"
การฉีดยานั่นน่ะ ง่ายนิดเดียว
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เป็นแล้ว คนที่เรียนสัตวแพทย์อุตสาห์เล่าเรียนตั้ง
6 ปี ถึงจะสามารถฉีดยาสัตว์ และทำการรักษาสัตว์ได้
ถ้าจะให้คนบางคนที่ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการฝึกหัด
มาทำหน้าที่แทนสัตวแพทย์ แล้วจะเรียนทำไมตั้ง 6 ปี |
รูปจากหนังสือ
สื่อรักสัตว์เลี้ยง |
|
|
|
|
ผู้เขียนเชื่อว่า คนที่เรียนสัตวแพทย์มา 3-4 ปี โดยพื้นฐานแล้ว
เขาสามารถดูแลสุนัขเบื้องต้นได้ สามารถฉีดยาได้
รู้และสามารถเลือกใช้ยาบางชนิดได้ สามารถดูแลสุนัขตนเองได้
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะไปรับจ๊อบดูแลสุนัขคนอื่นได้
เพราะคุณยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับสัตว์
และโรคสัตว์ได้ทุกอย่าง ที่สำคัญคุณยังไม่มีใบประกอบโรคศิลป์
หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาคุณสามารถรับผิดชอบไหวหรือ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คนรู้จักเรียกผู้เขียนให้ไปฉีดยาคุมกำเนิดให้กับสุนัขของแกหน่อย
ผู้เขียนก็พยายามบอกว่า ให้พาไปหาสัตวแพทย์นะ
ประกอบกับตอนนั้นผู้เขียนไม่ค่อยว่างด้วย
สองเดือนถัดมาได้ข่าวว่า สุนัขเกิดมดลูกเป็นหนองขึ้นมา
แกก็โวยวายใหญ่เลยนะว่า หมอทำให้สุนัขของแกเป็นอย่างนี้
ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาผ่าตัดตามมาอีก ทั้ง ๆ ที่สัตวแพทย์คนนั้นก็พยายามอธิบายว่า
การที่สุนัขเกิดมดลูกอักเสบมันมีหลายสาเหตุ
สัตว์อยู่ในที่สกปรกก็สามารถเป็นได้ ลองคิดดูสิค่ะว่า
นี่ขนาดหมอเป็นคนทำนะ
ถ้าตอนนั้นผู้เขียนเป็นคนไปซื้อยามาแล้วฉีดยาให้
แล้วเกิดปัญหาอย่างนี้ ผู้เขียนคงแก้ปัญหาไม่ถูก
และคงหมดความมั่นใจที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง
คืนนั้นผู้เขียนไปดูสุนัขเหมือนกัน
แต่บอกให้เจ้าของพาไปคลินิกใกล้บ้าน
โดยที่ผู้เขียนได้ตามไปดูด้วยพอเห็นว่า ปลอดภัยแล้วจึงกลับบ้าน
ปัจจุบันนี้มีหมอเถื่อนมากมาย
บางทีมีรถเร่ฉีดยากับพิษสุนัขบ้าตามหมู่บ้าน
ตรวจสอบดูสักนิดนะคะว่า เป็นใครมาจากไหน
อย่าฝากชีวิตสัตว์เลี้ยงที่ท่านรักไว้กับคนที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
สำหรับพวกเรานิสิตสัตวแพทย์เอง อย่าทำตัวเป็นหมอเถื่อนซะเองเลย
เรียนให้จบแล้วทำงานให้เต็มที่ดีกว่า เมื่อเลือกมาเรียนสัตวแพทย์แล้ว
คงไม่อยากให้ใครมาลบหลู่ดูหมิ่น
คงไม่อยากให้ใครนำชื่อวิชาชีพมาหากินในทางมิชอบ
ดังนั้นเราต้องช่วยกันดำรงวิชาชีพไว้ เรียนให้เต็มที่
สนุกกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้เต็มที่
พอจบไปแล้วก็ทำงานอย่างเต็มที่ และเป็นสัตวแพทย์ที่ดี...สวัสดีค่ะ |
|
จากนิตยสาร
: สื่อรักสัตว์เลี้ยง
ปีที่ 9 ฉบับที่
101 ประจำเดือนกรกฎาคม 2546 หน้า 182
คอลัมน์ :
สนุกชะมัดเรียนสัตวแพทย์ |
|
|
|
|
|
|
ชมรมผู้เลี้ยงและผู้ฝึกสุนัข
เอส.เจ.ฯ/K9 |
|
|
|