|
เก็บมาฝาก |
|
บทที่
10
สุนัขเฝ้าบ้าน
|
|
จากหนังสือ
:
จิตวิทยาการเลี้ยงและการฝึกสุนัขใช้งาน
โดย :
อาจารย์บรรยง
(
อาจารย์บรรยง
ธนทวิกร
ประธานชมรมผู้เลี้ยงและผู้ฝึกสุนัข
เอส.เจ./K9 )
บทที่ 10
เรื่อง
สุนัขเฝ้าบ้าน
หน้า140
|
|
หลายคนอาจมีความสงสัยว่า
สุนัขมีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้า
เจ้าของ
หวงแหนบ้าน
และสมบัติในบ้านของมันมากน้อยสักแค่ไหน
ผู้เขียนคิดว่า
ความรู้สึกนี้มีจริง
และค่อย
ๆ
พัฒนาขึ้นมาตามวัย
และตามพันธุ์ของสุนัขด้วย
บางพันธุ์พัฒนาได้เร็ว
และสามารถฝึกเป็นสุนัขอารักขาทรัพย์สินได้ดีกว่าพันธุ์อื่น
ๆ ปกติแล้วสุนัขที่อายุน้อยกว่า
12
เดือนแทบจะไม่มีความรู้สึกหวงแหนนี้เลย
ดังนั้นถ้าลูกสุนัขอายุ
5
เดือนของคุณไม่เคยเห่าคนแปลกหน้า
ใครจะหยิบอะไรไปก็ไม่หวง
คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเดือนเนื้อร้อนใจว่า
เลี้ยงสุนัขไว้เสียข้าวสุก
ตรงกันข้าม
ถ้ามันเห่า
และหวงของเก่ง
ตั้งแต่อายุเท่านั้นก็ให้ระวังไว้ให้ดี
เพราะแสดงว่ามันผิดปกติ
อาจกลายเป็นสุนัขดุร้าย
กัดไม่เลือกหน้าเมื่อโตขึ้น
สุนัขเซนต์เบอร์นาดร์ใช้เวลาเกือบ
2 ปี
จึงจะพัฒนาความรู้สึกนี้ขึ้นมาเต็มที่
ในขณะที่สุนัขเทอร์เรียมีตั้งแต่ยังไม่ครบขวบดีด้วยซ้ำ |
|
|
วิธีการเลี้ยงดูก็มีผลต่อพัฒนาการของความรู้สึกเป็นเจ้าของด้วย
สุนัขที่เติบโตมาในบ้านอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของ และสุนัขที่เลี้ยงปล่อยให้อยู่ในสนามตามลำพังนาน
ๆ
จะมีทัศนคติต่อการดูแลบ้าน
ปกป้องทรัพย์สินต่างกัน
ในช่วงอายุ
6
เดือนแรก
ลูกสุนัขทุกตัว
(เว้นแต่ตัวที่ขี้กลัวมาก
ๆ)
จะเป็นมิตรกับคนทุกคนไม่เลือกว่า
เป็นเจ้าของบ้าน
หรือคนแปลกหน้า
มันจะชอบเล่นสนุก
เอะอะมะเทิ่งไปตามเรื่อง สุนัขที่ถูกปล่อยไว้ตัวเดียวในสนามนานเข้าจะเริ่มหยุดหงิดใช้วิธีส่งเสียงเห่าแก้เหงา
แรก ๆ
จะเห่าเฉพาะคนที่เข้ามาในเขตบ้าน
มันเริ่มรู้สึกสนุกเมื่อพบว่า
คนตกใจเสียงเห่า
และหยุดเดิน
สุนัขรู้สึกว่า
มันมีอะไรดีทำให้คนกลัวได้
เริ่มเพาะความรู้สึกดูถูก
ไม่นับถือมนุษย์ขึ้นในใจ
ขั้นต่อไปมันจะเลยไปเห่าคนที่เดินผ่านไปมา
เห่ารถยนต์
รถจักรยานยนต์ สุนัข
และอะไรก็ตามที่เคลื่อนที่บางทีก็วิ่งขึ้นลงเลาะริมรั้วทำขนตั้งพอง
และเห่าเสียงขรม
เพื่ออวดให้เห็นกันทั่วว่า
มันเก่ง
แน่กว่าคนอื่น |
ปกหนังสือ
จิตวิทยาการเลี้ยง และการฝึกสุนัขใช้งาน |
|
|
เมื่อเวลาผ่านไปมันจะกล้ามากขึ้น วิ่งเข้าไปเห่าคนที่โผล่เข้าเขตรั้วมาใกล้ ๆ
เหยื่อประจำได้แก่
บุรุษไปรษณีย์
หรือคนส่งของ
เวลาตกใจคนเหล่านี้จะยกของที่ถือมาขึ้นสูงไม่ให้สุนัขคาบไปได้
สุนัขมองว่า
ท่าตกใจกระโดดโหยงยกของขึ้นนี้เป็นสัญญาณแห่งความอ่อนแอของคน
ทำให้มันได้ใจยิ่งทำท่าดุร้ายเพิ่มขึ้น
เห่าดังยิ่งกว่าเก่า
ต่อให้คนในบ้านออกมาห้ามปรามอย่างไรก็ไม่สนใจเมื่อหมดธุระบุรุษไปรษณีย์จะถอยออกไปตามระเบียบ ปิดประตูใส่หน้าไม่ให้สุนัขตามออกไปด้วย
ถึงตอนนี้มันจะอารมณ์เสียเพราะคู่อริหนีรอดไปได้แถมยังปิดประตูขังอีก
แขกรายต่อไปที่มาบ้านกลายเป็นผู้โชคร้าย
เพราะมันจะระบายความโกรธเข้าใส่
เห่าอย่างดุเดือด
และกัดอีกด้วย
สุนัขประเภทนี้ไม่ได้เห่าเพราะหวงบ้านไม่ให้คนแปลกหน้าเข้า
แต่เห่าเพื่อแสดงอำนาจเหนือมนุษย์
ถ้าไม่รีบฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งเสียแต่ต้น
มันจะยิ่งดุร้ายมากขึ้น
แม้แต่เจ้าของก็เอาไม่อยู่
สุนัขจะยิ่งสนุกใหญ่
เพราะชนะทั้งคนแปลกหน้าทำให้กลัว
และทำให้เจ้าของบ้านหัวปั่นได้ในเวลาเดียวกัน
สุนัขที่เลี้ยงอยู่แต่ในบ้านจะต่างออกไป
มันรู้แน่ชัดว่า
อาณาเขตของมันอยู่แค่ไหน
สิ่งที่มันเป็นเจ้าของต้องคอยปกป้องดูแลคือตัวบ้าน
ไม่ใช่สนามหญ้า
ควรฝึกให้สุนัขเห่าเตือน
เมื่อมีคนมาที่ตัวบ้านสักพักหนึ่งจึงสั่งให้
"หยุดเห่า"
และ "หมอบลง"
ถ้าไม่เชื่อฟังใช้วิธีกระตุกโซ่คอบังคับ
สุนัขจะค่อย
ๆ
เรียนรู้ว่าการเห่าครั้งแรกเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้รับการชมเชย
แต่ถ้าเห่าต่อไปเรื่อย
ๆไม่ยอมหยุดเป็นถูกลงโทษ
ถ้ามีปัญหาสั่งให้หยุดไม่ได้อยู่
อาจเป็นเพราะสุนัขตื่นเต้นมากเกินไป
ให้แก้ไขโดยสั่งหมอบนานประมาณ
10 นาที
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทต้น
ๆ
การหมอบเป็นวิธีที่ดี
ที่สุด
ที่จะทำให้สุนัขสงบ
สุนัขที่เห่าไม่เลือกไม่ว่ามีคนมา
โทรศัพท์ดัง
หรือได้ยินเสียงแปลก
ๆ
ส่วนใหญ่เห่าเพราะ
ความตื่นเต้น
และมักเตือนตัวเองให้หยุดไม่ได้
สำหรับคำถามที่ว่า
สุนัขรู้หรือไม่ว่าใครมาดี
หรือมาร้าย
ผู้เขียนคิดว่า
สุนัขบางตัวเท่านั้นที่รู้ได้โดยสัญชาติญาณพิเศษบางอย่าง
แต่ส่วนใหญ่แล้วมันจะแยกแยะคนโดยกลิ่น
ผู้ที่ประสงค์ร้ายโดยเฉพาะขโมยจะกลัวถูกจับได้
รู้สึกตื่นเต้นทำให้กลิ่นตัวแรงกว่าปกติ
สุนัขได้กลิ่นนี้แล้วรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจึงตื่นเต้น
และก้าวร้าวมากขึ้น
บางครั้งคนที่มาดีแต่ไม่ชอบสุนัขก็อาจจะกลัวและส่งกลิ่นที่ทำให้สุนัขแปลเจตนาผิดได้เหมือนกัน
ในทำนองเดียวกัน
ขโมย
บางรายก็อาจจะไม่ตื่นเต้น
ไม่กลัว
เข้ากับสุนัขได้ดีจนมันไม่เฉลียวใจมันเลยไม่เห่าเตือน
เผลอ ๆ
ยังกระดิกหางเข้าไปเล่นด้วยก็มี
ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรปล่อยให้สุนัขเป็นคนตัดสินใจว่า
ใครเป็นมิตร
หรือศัตรู
ฝึกให้มันเห่าคนทุกคนที่เข้ามาในบริเวณบ้าน
และจะหยุดเห่าก็ต่อเมื่อคนในบ้านสั่ง |
|
สุนัขสำหรับเฝ้ายามจริง
ๆ
ต้องได้รับการฝึกเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากสุนัขทั่วไป
ปกติแล้วเจ้าของจะไม่รู้วิธีฝึกที่เหมาะสม
ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะฝึกให้
ถ้าคุณไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีมีบ้านใหญ่โตที่จำเป็นต้องมีสุนัขยามเฝ้าตลอดเวลา
ก็ไม่ควรขวนขวายหาสุนัขประเภทนี้มาเลี้ยง
เพราะมันได้รับการฝึกหัดมาให้จู่โจมคน
คุณต้องรู้จักวิธีควบคุมที่ถูกต้อง
มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้นอกจากนี้ยังยุ่งยากในการเลี้ยงดู
ซึ่งต้องหาที่อยู่
และอาการให้เป็นพิเศษอีกด้วย
สำหรับชาวบ้านทั่ว
ๆ ไป
แค่อาศัยเลี้ยงสุนัขไว้ให้มันเห่าเตือนเวลามีคนมาก็พอถมเถไปแล้ว
ที่สำคัญคือสอนให้มันรู้แต่เล็กว่า
เห่าเฉย
ๆ
พออย่ากัด
เจ้าของจะพลอยเดือดร้อนเสียเงินค่ายา
และค่าทำขวัญไปอีก
ถ้าเผอิญสุนัขของคุณไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับหน้าที่เฝ้าบ้าน
อย่าว่าแต่กัดเลย
เห่าสักแอะหนึ่งก็ไม่เคยอย่างนี้ก็ต้องสอนกันหน่อย
จับตัวเข้ามาไว้ในบ้านพอมันเห่าคนหรือของแปลกๆ
ก็ให้รีบยอมันเข้ามาก
ๆ
ไม่ช้ามันก็จะเรียนรู้ไปเองว่า
คนชอบให้เห่า
ถ้าคุณมีสุนัข 2
ตัวยิ่งง่ายใหญ่
เพราะตัวโตจะสอนตัวเล็กลง
แต่ถ้ามีสุนัขประเภทปากเปราะ
วิ่งงุ่นง่ามเห่าไม่เลือกหน้า
ห้ามไม่หยุดอยู่ตัวหนึ่งแล้วละก็
อย่าได้ปล่อยให้มันสอนกันเองเด็ดขาด
จับสุนัขตัวใหม่มาฝึกให้ถูกวิธีเสียแต่ต้นมือ |
|
|
ภาพจากหนังสือการ์ตูน ขายหัวเราะ |
|
ผู้เขียนไม่เคยกลัวสุนัข
และคิดว่าถ้าเราเข้มแข็งจัดการกับมันอย่างเฉียบขาด
สุนัขจะเคารพ
และไม่กล้าหือกับคน
ซึ่งเป็นสัมพันธภาพที่ควรเป็นระหว่างคนกับสุนัข
ดังนั้นถ้าสุนัขของคุณมีปัญหาควบคุมไม่อยู่ก็ควรขอคำแนะนำจากผู้ชำนาญการฝึกสุนัขโดยเฉพาะ
สุนัขบางตัว
ไม่สามารถจะเป็นสุนัขเฝ้าบ้านได้เลย
ไม่ว่าจะฝึกหัดอย่างไรเพราะมันมองโลกในแง่ดีเป็นมิตรกับคนมากเกินไป
มีทางเดียงเท่านั้นที่พอจะทำได้คือ
หาสุนัขตัวใหม่มาเฝ้าบ้าน |
|
|
|
|
|
|
ชมรมผู้เลี้ยงและผู้ฝึกสุนัข
เอส.เจ.ฯ/K9 |
|
|
|